Page 122 - The 9th Graduate Integrity Conference Proceeding
P. 122

ื
                                ิ
                                                                    ี
                                                 �
                     ี
              เม่อลมท่พัดเข้าปะทะส่งกีดขวางจะถูกกดอัดทาให้เกิดความกดอากาศท่เป็นบวก (Positive Pressure) ในขณะเดียวกันท่ด้าน
                                                                                                         ี
                                                       ั
                                  ิ
                      ี
              ตรงข้ามท่ลมพัดออกจากส่งกีดขวาง อากาศในบริเวณน้นจะถูกดูดออก ทาให้ความกดอากาศลดลงเกิดเป็น (Negative Pressure)
                                                                    �
                                                                                                           ิ
                             ิ
                             ่
                                                                                                      �
                                            ื
                                                                                       ่
                                                                                                  ึ
                                                                                       ี
                  ่
              ลมทพัดเข้าปะทะสงกีดขวางและไหลเล่อนไปตามด้านข้างจะก่อให้เกิด  Negative  Pressure  ทผิวด้านข้าง  ซ่งจะทาให้เกด
                  ี
              แบบแปรปรวน (Turbulent) และการเกิดแบบหมุน (Eddy) ตามมา ซึ่งการเกิดแบบหมุน (Eddy) จะมีผลเสีย คือ การสะสม
              ของฝุ่นละอองที่มากับลม รวมถึงมลพิษทางอากาศอีกด้วย (กฤษณพงศ์ ทองศรี, 2549)
                                    รูปที่ 8 แสดงภาพลักษณะของรูปแบบการเคลื่อนที่ของกระแสลม
                                         ที่มา: https://www.wbdg.org/resources/env_iaq.php


                      3.4  การวางผังและระยะห่างของอาคาร

                         จากทฤษฎีของ  Bittencour  (ชญาดา  วาณิชพงษ์ ,  2556)  ที่ท�าการศึกษารูปแบบของการวางผัง  ที่ส่งผลต่อ

                                                                           ึ
              ประสิทธิภาพการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ พิจารณาจากความเร็วลมท่เกิดข้นระหว่างอาคาร โดยศึกษากรณีท่ทิศทางลม
                                                                       ี
                                                                                                    ี
                ั
              ต้งฉากกับอาคาร สรุปได้ว่าการวางผังกลุ่มอาคารแบบเหล่อม มีผลต่อการระบายอากาศมากกว่าการวางผังกลุ่มอาคารแบบกริด
                                                         ื
              เนื่องจากการวางผังแบบกริดท�าให้เกิดพื้นที่ที่โดนบังลม ที่ส่งผลต่อการระบายอากาศของบ้านที่อยู่ใต้ลม
                         โดยที่ลักษณะการไหลของอากาศที่เกิดขึ้นระหว่างอาคารในรูปที่ 9 อธิบายได้ว่า เป็นกระแสลมวน (Skimming
              Flow)  ท่เกิดข้นในท่ว่างระหว่างอาคาร  และหากท่ว่างน้นขยายใหญ่จนก่อให้เกิดกระแสลมวนข้น  (Upwind  Eddies)  และ
                     ี
                          ึ
                              ี
                                                         ั
                                                                                       ึ
                                                     ี
              กระแสลมวนลง  (Downwind  Eddies)  ที่เรียกว่า  Wake  Interference  Flow  และถ้าหากที่ว่างใหญ่ขึ้นจนท�าให้กระแสลม
              ด้านบนไหลวนมาที่พื้น ก็จะถูกเรียกว่า Isolated Roughness ซึ่งการเว้นที่ว่างระหว่างอาคารจนเกิด Isolated Roughness
              ก็จะมีประสิทธิภาพการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติมากสุด
                         W = ระยะห่างระหว่างอาคาร
                         H = ความสูงของอาคาร






















                                    รูปที่ 9 แสดงลักษณะการเคลื่อนที่ของลมตามระยะห่างของอาคาร
                        ที่มา: web.mit.edu/nature/archive/student_projects/2009/jcalamia/Frame/05_canyonwind.html

                                                                  ผลงานวิจัยในโครงการประชุมวิชาการระดับบัณฑิตศึกษา
                                                            115   คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  สจล.
   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127