Page 174 - The 10th Graduate Integrity Conference Proceeding
P. 174
1. บทนํา
หมบานขเหล็กใหญ ตาบลหนองพนทา จงหวดบงกาฬ ซงแยกตวออกมาจาก จงหวดหนองคาย มการตงบานเรอน
ั
ั
ั
ํ
ี
่
ึ
ั
ั
ั
ึ
ี
้
ื
ู
ั
้
ี
่
้
้
ิ
ี
่
ั
ุ
ิ
ิ
ี
ั
ิ
เปนสถาปตยกรรมพืนถนอสานดังเดม ปจจบนมการเปลียนแปลงทางเศรษฐกจ สังคม ศลปวฒนธรรม และเทคโนโลย สงผลให
ั
ิ
ิ
ู
ิ
ื
ื
้
ื
ี
ํ
ั
การดําเนนวถชวตของคนและอาคารบานเรอนโดยรอบใน ตาบลหนองพนทา เปลียนแปลงเปนบานกออิฐถอปนเกอบทงหมด
่
ี
้
ี
ิ
ี
็
ี
ู
ู
่
ั
ุ
แตยงคงหลงเหลืออยในหมบานขเหล็กใหญ ประกอบกบคนในชมชนเริมเหนความสําคญและอยากอนุรกษวถชวตและเรอนไว
ั
ื
ิ
ั
ั
ื
่
ื
่
ุ
ุ
ึ
่
ื
ิ
ี
่
ึ
่
ุ
เปนหนงในเครองมอเพอสรางการทองเทยว เพมรายได และดงคนหนมสาวกลับเขาสูชมชน เปนนโยบายจากการประชม
ู
ื
ั
ิ
ิ
่
ุ
่
ี
้
ั
ั
ี
หมบานขเหล็กใหญ เมอวนท 22 มิถนายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.00 น. ณ ลานอเนกประสงคพพธภณฑชุมชนมชีวต จงหวด
ี
ิ
ั
ิ
ั
ี
ิ
ิ
ิ
บงกาฬ โดยมี ผูใหญบาน นายสมพงษ จตนาม ผชวยผูใหญบาน นายสาย แววศร และนายสุทธพงษ สุรยะ เจาของพพธภณฑ
ิ
ู
ึ
ุ
ิ
เปนประธานในการประชม โดยเรมตนจากท พพธภณฑชมชนมชวต จงหวดบงกาฬ โดยเชอมโยงศิลปะเขากบวถชมชนแบบ
ิ
ี
ิ
ิ
่
่
ี
ี
ุ
ั
ั
ึ
ี
ั
ิ
่
ื
ั
ุ
้
่
ุ
ื
ื
ื
ั
ื
ู
เกอกล เพอพฒนาชมชนตามแนวทางทียงยน เปดใหเขาชมฟรทกวนโดยไมเสียคาใชจาย เพ่อใหผูมาเยือนไดเขามาเรียนรวถ ี
ั
ิ
ี
ู
่
ั
ุ
่
ี
ิ
ี
้
ิ
ิ
ั
ิ
ดงเดิมของครอบครวอสานในอดต ผานวถการใชชวตของชมชนหมบานขเหล็กใหญ (ศรวรรณ สิทธกา, 2561) การวจยนจงม ี
ึ
ิ
ุ
ี
ั
้
ู
ี
ี
ั
้
ิ
ี
ิ
่
ั
ั
ี
ึ
ื
้
ื
้
ี
่
ิ
ู
้
ุ
่
ี
ี
้
วตถประสงคเพอรวบรวมขอมลทางดานสถาปตยกรรมพนถนอสาน ในพนทีนทยงไมมการศกษาสถาปตยกรรมพืนถนอยาง
่
่
ื
่
ิ
ี
ั
่
ชดเจน (ธนศร เสถยรนาม และนพดล ตงสกล, 2560). และเพือคนหาการเปลยนแปลงกจกรรมและพฤติกรรมของผูอยอาศยท ่ ี
ู
ุ
้
ั
ั
ี
ิ
มผลตอการเปลียนแปลงทางดานสภาพแวดลอมทางกายภาพ
ี
่
ุ
ั
ั
2. วตถประสงคของการวจย
ิ
ู
ี
ื
2.1 เพอศกษารปแบบสภาพแวดลอมทางกายภาพภายในเรอนพนถน ของหมูบานขเหล็กใหญ ตาบลหนองพนทา
ํ
่
ื
้
่
ิ
ื
้
ึ
ั
อาเภอโซพสัย จงหวดบงกาฬ
ํ
ึ
ิ
ั
ั
2.2 เพอศกษาการเปลียนแปลง กจกรรม และพฤตกรรมของผูอยอาศยในเรอนพนถน ของหมบานขเหล็กใหญ
ึ
่
่
ั
้
ื
ี
ื
่
ู
ู
ิ
ิ
้
ิ
ื
ตาบลหนองพันทา อาเภอโซพสัย จงหวดบงกาฬ
ิ
ั
ํ
ึ
ั
ํ
3. วธการวิจย
ี
ิ
ั
ู
ุ
ิ
ึ
่
ื
ั
ิ
ิ
ู
้
่
ิ
ู
ี
ั
ู
ผูวจยไดศกษาขอมลเบองตนจากขอมลทตยภม (จากเอกสาร) ของรปแบบทวไปของสถาปตยกรรมพืนถนอสาน
้
ั
ุ
ี
ื
ื
่
เรอนอสานเปนเรอนใตถนสูง หลังคาทรงจัว อาคารประกอบดวยหนวยยอย ๆ เรยบงายไมซบซอน อาคารสวนใหญเปดโลง
ี
ื
ื
ั
ี
ื
ื
และโปรงลม เรอนอสานแบงออกเปน 3 ประเภท คอ 1) เรอนพกอาศยประเภทชวคราว เชน เถยงนา 2) เรอนพกอาศย
่
ั
ั
ั
ี
ั
่
ื
ประเภทกงถาวร เชน ตบตอเลา เรอนเหยาเปนเรอนพกอาศยทแยกตวออกจากเรอนใหญเปนเอกเทศขนาดของพนทนอย
ึ
้
ู
ื
ั
ี
ื
ื
่
ั
ี
่
ั
ั
ิ
ิ
่
่
ประมาณ 3.50 x 3.50 เมตร นยมทําโครงสรางเหมือนเรือนเครืองผูก ตวเสาและเครืองบนนิยมใชไมจรงกะเทาะเปลือก
ั
ิ
้
ุ
ื
่
ุ
ใตถนสูง หลงคาทรงจวมงหญาคา ฝาเรือนมกใชฝาแขบตอง หรือฝาขดแตะ นยมใชพนฟากสับ กระดานหรือไมไผ พนเรือนไมมี
ั
ื
้
ั
ั
ื
การเลนระดบ และ 3) เรือนพกอาศยประเภทถาวร ซงแบงเปน 3 ชนด ไดแก 1) เฮือนเกยหรอเฮือนเทบ ใตถนสูง หลังคาทรง
ั
ุ
ั
ิ
ั
่
ิ
ึ
จว เสากลมหรือเหลียม ประกอบดวย เฮือนนอน เกย ชานแดด เฮือนไฟ (เรอนครว) และฮานแองนา (รานหมอนา) 2) เฮือน
้
ั
่
ํ
ั
ื
่
้
ํ
็
ี
ั
แฝด ลักษณะใตถนสงมจวแฝดอยูชดติดกน อาจมเกยหรือไมมกได ประกอบดวย เฮือนใหญ เฮือนแฝด เกย ชานแดด แตหากม ี
ู
ี
่
ิ
ุ
ั
ี
ั
ื
ชานเชอมตอระหวาง เฮือนใหญกบเฮือนไฟ ชานแดดสวนนีเรียกวา ชานมน มเฮือนไฟ และฮางแองนา 3) เฮือนโขง ลกษณะใต
ี
่
้
ั
้
ํ
่
ั
่
ถนสูง เสากลมหรือเหลียม มีจวแฝดแตขนาดยอมกวาเฮือนใหญ เฮือนชนิดนประกอบดวย เฮือนใหญ เฮือนโขง ชานแดด เฮือน
ุ
้
ี
้
ิ
ี
ไฟ ฮางแองนา (วโรฒ ศรสุโร, 2534; อรศริ ปาณนท, 2543; ปกรณ พฒนานโรจน, 2548)
ํ
ุ
ั
ิ
ิ
165