Page 149 - The 8th Graduate Integrity Conference Proceeding
P. 149
Research Proceedings in The 8 Graduate Integrity Conference: April, 2017
th
สรุปการวิเคราะห์หลักการใช้งานของอุปกรณ์ดังกล่าวเพ่อช่วยลดภาระการจดจ�าและนับจ�านวน เช่น การจัดแบ่ง
ื
กลุ่มตารางเพ่อลดการซ้อนทับกันของเข็ม การระบุกลุ่มตัวเลขบนอุปกรณ์เพ่อช่วยแสดงจ�านวน การบันทึกข้อมูลก่อนการเปิด
ื
ื
ใช้งานผ้าก๊อซเพื่อการตรวจสอบจ�านวนหลังการผ้าตัดเสร็จส้น เป็นต้น แต่พบว่ามีโอกาสเกิดความผิดพลาดในการใช้งาน
ิ
�
อุปกรณ์ได้ เช่น การแสกนบาร์โค้ดบนผ้าก๊อซซ้าท�าให้การบันทึกข้อมูลเกินหรือการปักพักเข็มบนอุปกรณ์ไม่เป็นระเบียบท�าให้
การยืนยันจ�านวนผิดพลาด ถือเป็นความผิดพลาดของมนุษย์จากความไม่ตั้งใจหรือพลั้งเผลอ
3.4 การป้องกันความผิดพลาดของมนุษย์
ั
ิ
น้องนุช ภูมิสนธ์ (2559) อธิบายว่าการป้องกันความผิดพลาดของมนุษย์ภายในโรงพยาบาลน้นต้องศึกษาปัจจัย
มนุษย์ (Human Factor) เพื่อน�ามาออกแบบวิธีการท�างานให้มีประสิทธิภาพตามกลไกในการด�าเนินกิจกรรมของมนุษย์ คือ
1) การรับรู้ข้อมูล (Perception) ถ้ามีส่งรบกวนหรือการรับรู้ไม่ชัดเจน เช่น เสียงไม่ดังพอ แสงสว่างไม่เพียงพอ ท�าให้การรับร ู้
ิ
ข้อมูลคาดเคล่อน เป็นต้น 2) การจดจ�าข้อมูล (Memory) การท�างานหลายอย่างพร้อมกันส่งผลให้จดจ�าข้อมูลผิดพลาด
ื
และ 3) การน�าเอาข้อมูลความจ�ามาใช้ (Working Memory) หากถูกกดดันด้วยสภาพแวดล้อมภายนอกภายนอกหรืออารมณ์
ื
ั
มีโอกาสท�าให้ตัดสินใจผิดพลาดเน่องจากความสับสนเป็นการยากท่จะดึงเอาข้อมูลมาใช้ได้ ดังน้น กลุ่มผู้ร่วมงาน (Team Work)
ี
ควรมีการสื่อสารที่ดี (Communication) มีความเข้าใจที่ตรงกันภายใน จึงสามารถด�าเนินการปฏิบัติงานส�าเร็จลุล่วงได้ โดยมี
แนวทางในการป้องกันความผิดพลาดโดยค�านึงถึงลักษณะของมนุษย์ มีดังนี้
1. ลดการพึ่งพาความจ�า (Reducing Reliance on Memory) คือ การออกแบบระบบงานเพื่อลดการพึ่งพา
์
้
่
้
้
่
่
การจดจ�าระยะสั้น (Short-Term Memory) เชน การท�าสัญลักษณสีส�าหรับของที่ใชคูกันเพื่อปองกันการสลับคู การใชรายการ
ตรวจสอบ (Checklist) เป็นต้น
2. ปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูล (Improving Information Access) คือ การจัดให้มีข้อมูลในเวลาที่ต้องการและ
ในสถานที่ใช้งานและสร้างแบบบันทึกข้อมูลที่สามารถติดตามการปฏิบัติงานได้ทุกขั้นตอน
3. ลดโอกาสการเกิดความผิดพลาด (Decreasing Error Opportunities) คือ การก�าหนดโครงสร้างการปฏิบัติงาน
ที่เป็นข้อมูลเฉพาะ เช่น การก�าหนดข้อมูลค�าสั่งยาของแพทย์ผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันการสั่งยาเกินขนาดหรือการสั่งยา
ที่ผู้ป่วยแพ้ เป็นต้น
4. ลดความซับซ้อน (Simplification) คือ การแก้ลดความซับซ้อนของกระบวนการปฏิบัติงานท่ท�าให้เกิด
ี
ความคลาดเคลื่อนหรือความเข้าใจผิดระหว่างผู้ปฏิบัติน�าไปสู่ความผิดพลาด
3.5 การวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบ (Failure Mode and Effect Analysis: FMEA)
ื
ิ
กิตติศักด์ พลอยพานิชเจริญ (2551) อธิบายถึงการวิเคราะห์ข้อบกพร่องและผลกระทบมีจุดมุ่งหมายเพ่อ1) ประเมิน
ิ
ื
ิ
ี
ิ
้
แนวโน้มของการเกิดข้อบกพร่องและผลกระทบในกระบวนการ 2) บ่งชถึงการปฏบัติการท่เกดปัญหาเพ่อก�าจัดท้งหรือลด
ี
ื
โอกาสการเกิดข้อบกพร่อง โดยเร่มจากการศึกษาปัจจัยหรือสาเหตุท่แท้จริงน�าไปสู่การออกแบบเพ่อป้องกันความผิดพลาด
ี
ิ
ประกอบด้วย กระบวนการท�างาน (Process) ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือหน้าที่การปฏิบัติงานในขั้นตอนดังกล่าว แล้วบ่งชี้สิ่งที่
จะมีโอกาสเกิดความบกพร่อง (Failure Mode) และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น (Failure Effect) เพื่อก�าหนดแนวทางป้องกัน
และ 3) ด�าเนินการทั้งหมดในรูปแบบเอกสารตารางการวิเคราะห์ น�าไปสู่การหาวิธีป้องกันความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
4. วิธีการศึกษา
4.1 เก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยด�าเนินงานวิจัยโดยได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี แผนกศัลยกรรม
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 ติดต่อและประสานงานเพื่อขอความร่วมมือเก็บข้อมูลเบื้องต้น (Pilot Study) ในรูปแบบวิจัยเชิง
คุณภาพ (Qualitative Research) ลงพื้นที่สังเกตการปฏิบัติงานผ่าตัดเพื่อศึกษาวิธีการยืนยันจ�านวนเข็มและสัมภาษณ์กับ
ื
พยาบาลผ่าตัดผู้ท�าหน้าท่ยืนยันจ�านวนเข็มโดยการจดบันทึกและถ่ายภาพ ค�านึงถึงการพิทักษ์สิทธิของผู้ให้ข้อมูล เม่อผู้ให้ข้อมูล
ี
Vol. 8 144