Page 55 - The 10th Graduate Integrity Conference Proceeding
P. 55
ุ
ั
ั
2. วตถประสงคของการวิจย
ั
่
ั
่
1. เพอศกษารูปแบบของเรือนพกอาศยทไดรบอทธพลตะวนตกทีสัมพนธกบการสัมปทานปาไมในเมองลําปางและ
ึ
ื
ี
ั
ั
ื
่
ั
ิ
ั
ิ
เมืองแพร
ั
ั
ิ
ื
ิ
่
่
ื
ื
ึ
2. เพอศกษารปทรง และการจดวางพนทใชสอยภายในเรือน ของเรอนพกอาศยทไดรบอทธพลตะวนตกแตละ
ั
ี
้
ั
ู
ั
่
ี
ู
รปแบบ
ี
ิ
ั
3. วธการวิจย
ู
ี
้
ิ
ั
งานวจยนจดอยในประเภทงานวิจยเชงประวตศาสตร (Historical Approach Research) โดยเนนการวเคราะห
ั
ั
ิ
ิ
ิ
ั
ิ
ตามลําดบเหตุการณ (Chronological Analysis) รวมกบการวเคราะหเชงเปรียบเทยบ (Comparative Analysis) เขาดวยกน
ิ
ั
ี
ั
ั
ิ
้
ซงมเมองลําปางและเมืองแพรเปนแหลงพนทศกษา โดยมีขนตอนและวธดาเนนการวจย ดงน ้ ี
ั
ี
ี
ั
ื
ึ
่
้
ื
ิ
่
ํ
ึ
ั
ิ
ี
3.1 การรวบรวมขอมูล
ิ
ู
ู
ุ
่
ึ
ั
้
ื
ั
ื
้
่
3.1.1 การรวบรวมขอมลทตยภมิจากเอกสารตาง ๆ เกยวกบพืนทีศกษา คอ เมองลําปางและเมืองแพร ทงดาน
ี
ี
่
ี
่
่
ั
ู
ื
ั
ี
ประวตศาสตร ภมิศาสตร วฒนธรรมของกลมคนทอยอาศย การสัมปทานปาไม สถาปตยกรรม รวมทงเรืองราวทเกยวเนองกบ
่
ั
่
ุ
้
ั
ั
ิ
ู
่
ี
ี
ึ
่
พนทศกษาตลอดจนแนวคดทฤษฎทเกยวของ
่
ี
ี
ื
้
ิ
ิ
ี
3.1.2 การกาหนดกลุมตัวอยางเพอเกบขอมลภาคสนาม งานวจยนเปนงานวจยทางสถาปตยกรรม โดยมเรอน
ี
ั
้
่
็
ื
ู
ํ
ื
ิ
ั
ั
ั
ิ
ั
ิ
ิ
พกอาศยทีไดรบอทธพลตะวันตกผานการสัมปทานปาไมเปนประชากรในการวจย กลุมตวอยางในการวิจยใชวธสุมตวอยาง
ั
่
ี
ิ
ั
ั
ั
ั
แบบเจาะจง (Purpose Sampling) โดยการกาหนดคณลักษณะขนเพอเปนบรรทดฐานในการคดเลือก แบงออกเปน 4
ํ
ื
ึ
้
ุ
่
ั
ี
ั
่
่
ี
้
ั
ขนตอน ไดแก ขนแรก เลือกเมองทเกยวของกบการสัมปทานปาไม ขนทสอง เลือกกลุมคนทีเกยวของกบการสัมปทานปาไม
้
ั
ื
้
ั
่
่
ี
ี
่
ั
ั
ั
ุ
ี
้
ื
ั
ี
่
ุ
่
ุ
ี
ขนทสาม เลือกชมชนของกลมคนทเกยวของกบการสัมปทานปาไม และขนสุดทาย เลือกเรือนพกอาศยในแตละชมชน เพอเกบ
้
ั
่
่
็
ั
่
ึ
้
้
ื
ี
ี
ี
ั
ขอมลภาคสนาม โดยกาหนดคณลักษณะ ดงน 1) เปนเรอนทปลูกสรางขนในชวงเวลาท่สัมพนธกบการสัมปทานปาไม พ.ศ.
ู
ํ
ั
ั
ุ
ุ
2398-2503 2) เปนเรือนของกลมคนทเกยวของกบการสัมปทานปาไมโดยตรง ไดแก กลุมเจานายทองถน คหบดชาวพมาททา
ิ
่
ี
่
่
่
ี
ี
ี
ํ
ั
ิ
ุ
ั
ํ
ํ
ี
ิ
่
ั
ิ
ี
ึ
ิ
่
ํ
กจการปาไม ชาวบานททากจการปาไม และกลุมบรษททาไมของชาวตะวนตก รวมถงกลมทไมไดทากจการปาไมโดยตรงแตได
ื
ิ
ั
่
่
ี
ชางทเคยสรางเรือนกลุมแรกมาสรางให ไดแก กลุมมชชันนาร กลุมคหบดีและขาราชการจากถินทอน กลุมชาวบานทไดรบ
่
่
ี
ี
ี
่
ุ
การศกษาจากในกรงเทพฯ หรอตางประเทศ และกลุมชาวบาน 3) เปนเรือนทมสภาพดี ไมทรดโทรม 4) หากเปนเรอนทมการ
่
ี
ุ
ื
ี
่
ึ
ี
ี
ื
ั
ี
่
่
ั
้
ู
ึ
ี
ั
ตอเติมตองยงคงรปแบบทคงเอกลกษณดังเดิมไว 5) เปนเรือนทสามารถเขาถงไดงาย ปลอดภย รวมทังเจาของเรือนอนุญาตให
้
ั
ึ
ั
ํ
ื
่
ั
สัมภาษณ บนทกภาพ และสํารวจรังวดเพอจดทาแบบสถาปตยกรรม
ุ
ั
ิ
ั
็
ั
่
ี
้
ึ
ี
่
ู
3.1.3 การเกบขอมลปฐมภูมิดวยการสํารวจภาคสนามในพืนทศกษาทเปนกลมตวอยางในการวจย ดงน ี ้
ุ
1. การสํารวจชมชน เพอสรางแผนผังชมชน และบนทกสภาพทัวไปดวยภาพถาย รวมทังการสํารวจ
ุ
้
ื
ึ
ั
่
่
ู
ึ
เรือนกรณีศกษา โดยบันทึกขอมลเปนแบบทางสถาปตยกรรม และภาพถาย
ุ
ี
ั
ึ
ิ
้
2. การสังเกตการณระยะยาว ดวยการไปยังชมชนเปนระยะ และเขารวมงานประเพณี พธกรรมทจดขน
ี
่
ํ
ภายในชมชนตามวาระ และโอกาสอานวย
ุ
ู
่
ื
่
ึ
3. การสัมภาษณผูอยอาศยการสัมภาษณแบบกงโครงสราง (Semi-Structured Interview) เพอ
ั
้
่
ั
ื
ู
ื
ื
ั
ู
ี
้
ั
ิ
รวบรวมขอมลทงดานประวตความเปนมาของเรอน รปทรงและการจดวางพนทใชสอยภายในเรือน และคติความเช่อท ่ ี
ื
่
ั
เกยวของกบเรอน
ี
3.2 การวิเคราะหขอมล
ู
ํ
้
ู
ี
การวเคราะหขอมลในบทความน เปนการอานความเปลียนแปลงจาเปนตองปรบใชทงการศกษาความ
ิ
้
ั
ั
่
ึ
ํ
ี
เปลียนแปลงตามชวงเวลาทางแนวตัง (Vertical) และการเปรยบเทยบทางแนวราบ (Horizontal) เขาดวยกน จงจะทาให
ั
้
ึ
่
ี
สามารถมองเห็นทังภาพกวางและภาพในเชงลึก อนประกอบดวย การวเคราะหตามลําดบเหตการณ (Chronological
ิ
้
ั
ั
ุ
ิ
ิ
ั
ิ
Analysis) รวมกบการวเคราะหเชงเปรียบเทยบ (Comparative Analysis)
ี
46