Page 59 - The 10th Graduate Integrity Conference Proceeding
P. 59
ุ
5.2 กลุมสถาปตยกรรมแบบประยกต
ู
ี
ั
สามารถจําแนกออกเปน 4 รปแบบ ดงรายละเอยดตอไปน ี ้
ี
5.2.1 เรือนไมประยุกตแบบมเฉลียงรอบ
ู
ื
ั
่
ิ
ั
ึ
ู
1. ประวตความเปนมาของเรือน เรอนสวนใหญถกปลกสรางในชวงป พ.ศ. 2428-2455 ซงชาวตะวน-
ื
ั
ู
ื
ั
ื
ื
ตกนาเรอนแบบบงกะโลทีพฒนารปแบบมาจากเรอน “บงกลา” (Bangla) หรอ “บงกาลา” (Bangla) ของชาวพ้นเมองใน
ั
ื
่
ํ
ั
แควนเบงกอลของอินเดียในศตรวรรษท 17 มาปลูกสรางในอาณานคมของตนเอง โดยมการปรบเปลียนรายละเอยดปลีกยอย
ั
ี
ี
ี
่
ิ
่
ั
ี
ื
ี
้
่
เพอใหสอดคลองกบฝมือชางและวสดทหาไดในทองถนนน ๆ โดยมการวางผังพนทใชสอยทไมแตกตางกนมากนก
ั
ุ
ั
่
่
ี
ั
ิ
ี
่
่
ื
ั
้
(สมชาต จงสิรอารกษ, 2553: 34-35) จากการสํารวจ พบวา มเรอนรปแบบนในเมืองลําปาง จานวน 4 หลัง และเมืองแพร
ี
ั
้
ื
ํ
ี
ึ
ิ
ิ
ู
ั
ํ
จานวน 4 หลง
้
ื
ู
ี
ื
2. รปทรง เปนเรอน 2 ชน มการยกพืนเรอนลอยสูงขนไปจากระดบพนดนประมาณ 2.00 เมตร
้
ั
้
ั
ิ
้
ื
ึ
ั
่
ื
้
ํ
ื
ั
ํ
ั
ี
ั
้
ชนลางเปนผนงอฐกอรบนาหนกหรอผนงไม ใชเปนสวนสานกงานหรอหองรบประทานอาหาร เรือนบางหลังมสวนสานกงานทีม ี
ั
ั
ั
ํ
ั
ิ
ั
ึ
้
้
ี
ิ
ั
ั
ั
่
หองนรภยสรางดวยผนงกอสําหรบเกบของ สวนชนบนเปนโครงสรางไม ใชเปนทพกอาศย มระดบพนหองถงฝาเพดาน
็
ั
ั
ื
ี
ั
ู
สูง 3.00-4.00 เมตร โดยพืนเฉลยงอยในระดับเดยวกบพนสวนพกอาศย ผังพนเปนรูปสเหลียมผืนผา ดานยาวเปนดานหนาของ
ื
ั
ี
้
่
ั
ี
้
ื
่
้
ี
ั
เรอน ขนาดเรือนดานหนากวาง 12-25 เมตร (มีระยะของชวงเสา 2.60-4.00 เมตร) ยาว 15-40 เมตร (มระยะของชวงเสา
ื
ี
่
้
2.50-4.00 เมตร) ชวงกวางผนงกอรบนาหนก ขนาด 5-6 เมตร พนททงหมดคลุมดวยหลังคาทรงปนหยาหรอทรงจัว ความชน
ั
ั
ั
ํ
้
่
ั
้
ี
ั
ื
ื
ํ
ั
ุ
ั
ิ
ื
ํ
่
้
ของหลังคาประมาณ 30-40 องศา มุงดวยวสดจาพวกไมแปนเกล็ด ชายคาทงลงมาตาคลุมแดดและฝนไมใหปะทะตวเรอน
ุ
ิ
ิ
ิ
ํ
ั
ั
ํ
ื
โดยตรง ความนาสนใจ คอ หากเปนเรือนของบรษททาไมสัญชาตองกฤษจะการทาหลังคามขกลางบรเวณดานหนาเรอน สวน
ื
ี
ั
เรือนของกลมทาไมชาวเดนมารก และคณะมชชนนารอเมริกนเพรสไบทเรียนจะไมนยมทามขกลางบริเวณดานหนาเรือน
ุ
ิ
ํ
ิ
ี
ํ
ั
ุ
้
้
ึ
ั
่
ื
่
ื
ี
่
ิ
ั
3. การจดวางพนทใชสอยภายในเรอน พบวากลุมชาวตะวันตกทเขามาตงถนฐานในพืนทศกษายงคง
ั
่
้
ี
ี
ั
ั
็
ิ
ดารงวิถชวตแบบชาวตะวนตกอย วถชวตดงกลาวสงผลใหอปกรณและเฟอรนเจอรเปนตวกาหนดพนทใชสอยของเรอน เหนได
ู
ิ
ี
ี
้
่
ั
ี
ี
ํ
ุ
ิ
ี
ิ
ื
ํ
ื
ี
จากการจดวางพนทใชสอยภายในเรอนมการแบงสัดสวนเปนออกเปนหองอยางชดเจน และมหนาทเฉพาะเจาะจงแบบ
ี
่
้
ั
ื
ั
ื
ี
่
ี
ึ
ชาวตะวนตกมากขน ไดแก หองทางาน หองนงเลน หองรบประทานอาหาร และหองเตรยมอาหาร ซงแตกตางจากเรือนไม
ั
ึ
้
่
ี
ํ
ั
ั
่
ั
่
ื
้
ี
ั
้
้
ื
ิ
ั
้
ี
ั
ํ
้
้
ื
ํ
ี
ี
แบบดงเดม สามารถจาแนกการจัดวางพนทใชสอยภายในเรอนออกเปน 5 สวน ดงน 1) ชนลาง มการใชพนทชนลางเพอทา
่
่
ื
้
ื
ี
้
ั
่
ิ
้
ั
ั
ิ
กจกรรม โดยการกันหองเปนโถงโลงทมีระดบพนเทากบระดบพนดนภายนอก โครงสรางใชคานไมพาดชวงกวาง ผนงใชอฐกอ
ื
ิ
ั
้
ํ
ั
ั
ั
ํ
ิ
ู
รบนาหนก นยมทาประตเขา-ออก ทกดานของผนง 2) สวนพกอาศย ตงอยชนบน สามารถจาแนกออกเปน 3 รปแบบ ไดแก
้
ั
ู
้
ั
ั
ั
ู
ํ
ุ
้
ื
้
้
ู
ั
ั
ื
้
่
ื
่
ั
แบบผงพนรปสีเหลียมผืนผา แบบผงพนสมมาตร ซาย-ขวา และแบบผังพนมีหองโถงอเนกประสงคตงอยกลางเรือน 3) เฉลียง
ู
้
ื
ื
ถอเปนเอกลกษณของเรือนรปแบบน สวนใหญมีลักษณะเปนเฉลียงรอบเรอนกวางตงแต 1.50-2.80 เมตร ม 2 รปแบบ ไดแก
ู
ู
ั
้
ั
ี
ี
้
ิ
ุ
ั
เฉลียงแบบเปดโลง และเฉลียงแบบกนฝา ซึ่งแบบกนฝาจะทาใหเกดพนทปดลอมเปนหองโถงเฉลียงเพอกนยงโดยมกจะตดตง ั ้
้
ื
้
่
ื
ั
ี
่
ั
ํ
ิ
ั
หนาตางบานเกล็ดตลอดแนวระเบียงเพือชวยในการระบายอากาศ 4) สวนบรการ ประกอบดวย หองครัวและหองเตรียม
ิ
่
ั
ั
่
ี
้
ึ
ี
ื
อาหาร ภายในหองครวมเตาไฟสําหรับหงอาหาร และตอปลองควนขนเหนอหลังคา 5) หองใตหลังคา พบในเรือนทมโครงสราง
ี
ุ
้
ื
ี
่
ั
หลังคาแบบโครงถักไมแบบมหองใตหลังคา (Attic Trussed Rafter Roof) พนทระหวางเสากบจนทน กวางประมาณ 5 เมตร
ี
ั
ั
่
ิ
้
ั
ั
ี
้
ื
่
ู
ี
สามารถเขาไปใชงานในพนทใตหลังคาได บรเวณหนาจวทง 2 ดาน มการทําชองเปดเปนหนาตางบานค เพอเอาแสงสวางเขาสู
ื
่
เรือนและชวยระบายอากาศ
ู
่
ี
รปท 6 รปแบบเรือนไมประยกตแบบมเฉลียงรอบ ในเมืองลําปางและเมืองแพร
ี
ู
ุ
ั
ิ
ทมา: ผูวจย (2562)
่
ี
50