Page 64 - The 10th Graduate Integrity Conference Proceeding
P. 64
ิ
ั
ิ
่
ั
ี
ั
ู
้
้
ี
ั
ี
่
ั
ั
้
ื
ทงนรปแบบของเรือนพกอาศยทไดรับอทธพลตะวันตกทีสัมพนธกบการสัมปทานปาไมในพนทศกษามความสัมพนธ
่
ี
ึ
ุ
ั
ื
ั
่
่
่
้
ิ
ี
ื
ึ
กบเหตุการณสําคญทเกดขนในชวงสัมปทานปาไม เนองจากเหตการณเหลานมผลตอความเปลียนแปลงทางดานการเมอง
ี
ี
้
่
ิ
ี
ุ
ิ
ํ
ู
ึ
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และมีอทธพลตอการกอรปของเรือนพกอาศยในพนทศกษา สามารถจาแนกเหตการณสําคญ
้
ั
ั
ั
ื
ออกเปน 5 ชวงเวลา ไดแก
่
ี
ิ
่
ชวงท 1 ภายหลังสนธสัญญาเบาวรง (พ.ศ. 2398-2426) เปนชวงเวลาทกลุมเจานายทองถนมบทบาทโดยตรง
ี
่
ิ
ิ
่
ี
ิ
ิ
ื
ิ
ี
ั
ั
ั
่
ี
ิ
ิ
ั
ั
่
ุ
้
ี
ิ
้
ํ
ทางดานการเมองและเศรษฐกจ กลมเจานายทองถนเหลานใหความสําคญกบวถปฏบตทสอดคลองกบวฒนธรรมดังเดม ทาให
ิ
่
้
ํ
ั
ี
ั
ั
ั
ื
ึ
ุ
กลมชาวตะวนตก กลุมคนในบงคบของชาวตะวนตก เขามาทากจการปาไมและตังถนฐานในพนทศกษา ตองใหความเคารพกับ
ิ
้
่
ั
ึ
็
้
่
วฒนธรรมดังเดิมไปดวย การแสดงออกถงวฒนธรรมทีแตกตาง อาจแสดงถงความไมเคารพตอกลุมเจานายทองถน เหนไดจาก
ั
่
ิ
ึ
ึ
ิ
้
้
้
ิ
ั
ู
่
ั
รปแบบของเรือนพกอาศัยทีเกดขนในชวงเวลานีมีลักษณะเปนเรือนไมแบบดงเดม
ี
่
ื
ี
ั
ั
ชวงท 2 ภายหลังสัญญาเชยงใหม ฉบบท 2 หรอ “หนงสือสัญญาในระหวางกรุงสยามกบองกฤษวาดวยเมอง
ื
ี
ั
่
ั
ํ
เชยงใหม เมองลําปาง เมองลําพน” (พ.ศ. 2426-2443) เปนชวงเวลารัฐบาลสยามเขามามีบทบาททางดานการเมอง ทาใหกลุม
ื
ี
ื
ื
ู
เจานายทองถนถกลดบทบาททังทางดานการเมองและเศรษฐกจ สวนดานสังคมและวัฒนธรรมยงคงเปนไปตามวัฒนธรรม
ิ
้
ั
ู
่
ื
ิ
ี
ี
ึ
ิ
ึ
ิ
้
่
ํ
ั
ดงเดม สวนกลุมชาวตะวนตก ซงมบทบาททางเศรษฐกจมากขน จงเรมมการแสดงออกถึงวฒนธรรมทแตกตาง นาไปสูการ
่
ี
ิ
่
ั
ั
ึ
้
แลกเปลียนวฒนธรรม ในลกษณะของการนาวฒนธรรมอนเขามาปรบใชใหเหมาะสมกบสภาพแวดลอมและวฒนธรรมของตน
ั
ั
ั
ั
่
ื
ํ
ั
่
ั
ิ
็
เหนไดจากรปแบบของเรือนพกอาศยทเกดขนในชวงเวลานีมลักษณะเปนเรอนไมแบบดงเดม เรอนไมประยุกตแบบมเฉลียง
ื
ึ
้
ิ
้
ื
ู
ั
่
ั
ี
ั
้
ี
ี
ุ
ื
รอบ และเรอนไมประยุกตแบบไมฉลลาย
ี
่
ุ
ชวงท 3 ภายหลังเหตการณจลาจลในมณฑลพายพ (พ.ศ. 2443-2455) เปนชวงเวลารฐบาลสยามเขามามีบทบาท
ั
ั
ิ
่
ั
่
ี
ื
ทางดานการเมองและเศรษฐกจ เชนเดยวกนกบกลุมชาวตะวันตกซงยงคงมบทบาททางเศรษฐกิจ เมอกลุมเจานายทองถนม ี
ั
ึ
่
ั
ิ
ี
ื
ั
ี
ึ
่
ุ
่
้
ิ
ื
ั
้
ั
ความใกลชดกบกลมเจานายทางสยามมากขึน จงเกดการแลกเปลียนวฒนธรรมระหวางพนททงสองแหง รวมทงรฐบาลสยามมี
ั
ิ
้
้
ั
ิ
ึ
่
ื
นโยบายเปลียนแปลงรากฐานทางสังคมและวฒนธรรมดงเดม เพอตองการลบลางความเปนอนและกอใหเกดสํานกความเปน
้
ิ
ั
ั
่
ื
่
ี
ชาวสยามรวมกน เมือเกดการลมสลายลงของรัฐแบบจารต ทําใหคตความเชือบางอยางถกกลนกลายไป เหนไดจากรปแบบของ
่
ู
ิ
ิ
่
ั
ื
็
ู
้
ี
ุ
ึ
้
ั
ื
้
ี
่
ิ
ี
ิ
ั
เรือนพกอาศยทเกดขนในชวงเวลานมีความหลากหลาย ไดแก เรือนไมแบบดังเดม เรอนไมประยกตแบบมเฉลียงรอบ เรอนไม
ื
ั
ี
ี
ั
ประยกตแบบไมฉลุลาย เรือนไมประยุกตพนทใชสอยแบบอิทธพลตะวนตก และเรือนไมประยุกตพนทใชสอยแบบเรือนดงเดิม
่
ิ
ื
้
ื
้
่
ุ
้
ั
ึ
่
ี
ชวงท 4 ภายหลังรถไฟสายเหนอสรางถงเดนชย (พ.ศ. 2455-2475) เปนชวงเวลารัฐบาลสยามเขามามีบทบาทในทุก
ื
ึ
ื
ู
ดานเพอรวบรวมอานาจเขาสูศนยกลาง โดยเฉพาะการเปลียนแปลงการคมนาคมขนสงจากทางเรอเปนทางรถไฟ ซงอานวย
ํ
ํ
่
ื
่
่
ิ
ั
ิ
ความสะดวกในการขนสงสนคาและสงเสรมใหเกดการอพยพคนจากภาคกลางเขาสูภาคเหนือ สงผลใหชาวตะวนตกและคนใน
ิ
ิ
ั
ิ
ู
ั
ี
ั
ั
่
้
ั
ิ
ู
บงคบเริมลดบทบาททางเศรษฐกจ นอกจากนนรฐบาลสยามมีการปฏรปดานสังคมและวฒนธรรม มการปฏรปคณะสงฆใหม ี
ื
ู
ั
้
้
ิ
ั
แบบแผนเดียวกนและรวมอํานาจเขาสูศนยกลาง จงถอเปนการลดบทบาทรากฐานทางสังคมและวัฒนธรรมดงเดมอยางสินเชง
ึ
ิ
ู
ั
้
ํ
ั
ิ
่
้
ี
ั
รวมทังการเปลยนแปลงการคมนาคมขนสงจากทางเรือเปนทางรถไฟ และการกอตงบรษท ปนซีเมนตไทย จากด สงผลใหการ
่
้
ั
ึ
ิ
ปลูกสรางเรอนพกอาศยเปลียนแปลงไป เหนไดจากรปแบบของเรือนพกอาศยทเกดขนในชวงเวลานีมลักษณะเปนเรอนไม
ั
ู
ื
ี
ั
่
ั
ี
ื
็
้
ประยกตแบบไมฉลุลาย เรือนไมประยุกตพนทใชสอยแบบอิทธพลตะวนตก และเรือนไมประยุกตพนทใชสอยแบบเรือนดงเดิม
้
ั
่
ี
้
ื
ื
ั
่
ิ
ุ
้
ี
่
่
ั
ี
ชวงท 5 ภายหลังการเปลยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2475-2503) เปนชวงเวลารฐบาลสยามยังคงเขามามีบทบาท
ี
้
ั
ู
ิ
ุ
่
ื
ั
ั
ในทกดานเพอรวบรวมอานาจเขาสูศนยกลาง โดยเฉพาะการจดตังรฐวสาหกิจเพอดแลกจการปาไมใหแกรฐบาล แตไมสามารถ
ํ
่
ื
ู
ิ
่
ิ
ี
ดาเนนการอยางมประสิทธภาพได เนองจากขาดแคลนกําลังคน ทาใหชาวบานสามารถเขาปานาไมออกมาขายและนํามาใช
ํ
ิ
ํ
ื
ํ
ื
ุ
ิ
้
ึ
ํ
่
ื
ี
ี
ี
่
ื
้
้
ึ
ั
ื
ั
ปลูกสรางบานเรอนเปนจานวนมาก เรอนพกอาศยทเกดขนในชวงเวลาน จงมลักษณะเปนเรอนไมประยกตพนทใชสอยแบบ
ี
ื
้
ิ
ื
ี
้
้
ิ
่
ั
ั
ิ
ื
อทธพลตะวนตก และเรือนไมประยุกตพนทใชสอยแบบเรอนดงเดม โดยเฉพาะเรือนไมประยุกตพนทใชสอยแบบเรอนดงเดม
้
ื
ั
่
ิ
ี
ิ
ซงเปนของชาวบานทไมไดเกยวของกบกจการปาไมโดยตรง มกจะถกปลูกสรางอยางเรงรบ เพอไมใหเจาหนาทเขามาพบเจอ
ื
่
ี
่
ี
ี
ึ
่
ั
ั
่
ี
ู
่
ู
ู
ํ
ี
ระหวางปลกสราง ทาใหมีความประณีตนอยกวาเรือนทถูกปลกสรางในชวงแรก
่
่
ี
ั
ึ
ี
ั
ู
ั
ิ
ื
ิ
ื
ื
้
่
็
ี
จากการศกษาสถาปตยกรรมเรอนพกอาศยทไดรบอทธพลตะวนตก ใน 2 พนท จะเหนไดวามรปแบบเรอน
ั
้
ี
ทหลากหลาย มพฒนาการปรบเปลียนเพือใหสอดคลองกบเจาของเรอนและบรบทแวดลอม อกทงเรอนพกอาศยทง 2 พนทม ี
ั
ี
่
ั
ื
้
ี
่
ั
่
่
ื
ั
ั
้
ั
ิ
ั
ื
ี
้
ื
ลักษณะท่ทังเหมือนและแตกตางกนซงเกดจากหลากหลายปจจย ดงนนหากการศึกษาสามารถขยายขอบเขตการวจยสูพนทลม
้
ี
ั
ี
่
ั
ั
ิ
ุ
ั
้
ึ
ั
่
ิ
้
ํ
ื
นาอน ๆ ทเปนเสนทางขนสงไม โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือตอนบนซงเปนบรเวณทมผูคนหลากหลายกลุมทเกยวของกบการ
่
ี
่
่
ึ
ิ
ี
่
ี
่
ี
่
ั
ี
55