Page 48 - The 9th Graduate Integrity Conference Proceeding
P. 48
Cutrona & Cole (2000) กล่าวถึงการส่งเสริมแรงสนับสนุนในเครือข่ายสังคมไว้ 4 อย่างด้วยกัน คือ 1) การ
ส่งเสริมให้เกิดการส่อสารระหว่างคนในสังคมให้มากข้นเพ่อเป็นการเปิดโอกาสในการเข้าใจและรับรู้ถึงปัญหาท่เกิดข้น 2) การ
ึ
ื
ี
ื
ึ
ี
ี
�
ึ
สร้างความเข้าใจในปัญหาท่เกิดข้นในสังคม การเปล่ยนทัศนคติในการขอรับหรือการให้ความช่วยเหลือกันในสังคม 3) การกาหนด
หน้าที่ในการรับผิดชอบการช่วยเหลือผู้อื่น ส่งเสริมให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกที่น�าไปสู่การสนับสนุนภายในสังคม และ
ื
4) การลดบทบาทของสมาชิกท่บ่นทอนการสนับสนุนภายในสังคม ลดการปิดก้นการส่อสารท่เกิดจากการแบ่งฝักฝ่ายของ
ี
ั
ี
ั
ี
สมาชิกในสังคม แนวคิดน้อธิบายถึงรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ท้งส่ด้านท่นาไปสู่การเกิดแรงสนับสนุนทางสังคมได้อย่างชัดเจน
�
ี
ั
ี
และสามารถน�าไปใช้เป็นกรอบแนวคิดในการศึกษาการเกิดแรงสนับสนุนทางสังคมของพื้นที่ท�างานร่วมในงานวิจัยชิ้นนี้ได้
2.3 สภาพแวดล้อมที่ท�าให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
เป็นท่ยอมรับกันแล้วว่าปัจจัยท่หลากหลายในภาพแวดล้อมทางกายภาพมีอิทธิพลต่อการเกิดพฤติกรรมของ
ี
ี
ี
ี
ี
ผู้ใช้สภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตามการศึกษาคร้งน้ ผู้วิจัยจึงเน้นการศึกษาทบทวนเก่ยวข้องกับการจัดกลุ่มพื้นท่ใช้งาน (Zoning)
ั
และรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม (Architectonic Detail) ที่ส่งผลต่อการเกิดปฏิสัมพันธ์และแรงสนับสนุนทางสังคมเท่านั้น
ึ
ื
ี
้
ื
ุ
็
การจัดกล่มพนท่ใช้งาน (Zoning) Peponis (2007) พบว่าการวางผังพ้น ซ่งส่งผลโดยต่อการมองเหนและ
ระยะทางระหว่างผู้สนทนา ส่งผลกระทบโดยตรงกับการเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในส�านักงาน โดยพื้นที่ออกแบบให้
ิ
ึ
ื
ี
เปิดโล่งและมีเส้นทางสัญจรท่ซ้อนทับกันจะเพ่มโอกาสในการพบปะระหว่างผู้ใช้งาน ซ่งส่งผลดีต่อการส่อสารภายในองค์กร
ิ
ี
ี
ั
�
ื
�
และเพ่มประสิทธิภาพในการทางานให้มากข้นด้วย ดังน้นสานักงานจึงควรจัดทางสัญจรหลักท่ใกล้กับพ้นท่ท่มีการใช้งานร่วมกัน
ึ
ี
ระหว่างพนักงาน เช่น โถงทางเดิน พื้นที่พักผ่อน พื้นที่ประชุมแบบเปิดโล่ง หรือพื้นที่ต้อนรับ ให้อยู่ในบริเวณเดียวกัน
ื
รายละเอียดทางสถาปัตยกรรม (Architectonic Detail) หมายถึง วัสดุปิดผิว เคร่องเรือน อุปกรณ์หรือวัตถุท่ถูกใช้
ี
ในพ้นท่ โดย McCoy (2000) พบว่าส่งของเหล่าน้ถูกใช้เป็นตัวกาหนดพฤติกรรมของผู้ใช้งาน สะท้อนถึงปฏิสัมพันธ์ 3 รูปแบบ
�
ี
ิ
ื
ี
ได้แก่ 1) ปฏิสัมพันธ์ด้านการควบคุม คือ การเลือกใช้วัสดุ หรืออุปกรณ์ที่บ่งบอกถึงสถานภาพทางการงานและแรงจูงใจ เช่น
การใช้สีหรือรูปภาพของแต่ละแผนกที่มีความรับผิดชอบและลักษณะงานที่ต่างกัน เพื่อแสดงถึงขอบเขตในการควบคุม และ
2) ปฏิสัมพันธ์ด้านงาน คืออุปกรณ์หรือส่งของท่ช่วยอานวยความสะดวกในการทางานให้กับกลุ่ม เช่น การใช้เคร่องเรือนท่ไม่ม ี
�
�
ิ
ื
ี
ี
ผนังกั้นระหว่างผู้ใช้งาน หรือการติดตั้งกระดานข่าวสาร เพื่อส่งเสริมผู้ใช้งานพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากขึ้น และ
ิ
ี
�
สุดท้ายคือ 3) ปฏิสัมพันธ์ด้านการแสดงความเป็นตัวตน คือวัตถุหรือส่งของท่แสดงความเป็นตัวตน ความสาเร็จ หรือจุดหมาย
เช่น รูปภาพครอบ หรือถ้วยรางวัล เพื่อสร้างความคาดหวังและแรงจูงใจให้กับผู้ใช้งานและผู้ร่วมงาน
2.4 การบริหารจัดการพื้นที่ท�างานร่วม
Parrino (2015) ได้พิสูจน์ว่า เพียงการใช้พ้นที่ร่วมกันของผู้ใช้งานจะไม่ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์และการช่วยเหลือกัน
ื
ระหว่างผู้ใช้งาน และจะไม่น�าไปสู่การแบ่งปันความรู้และการส่งต่องานภายในเครือข่ายสังคม แต่จะต้องมีการจัดการอ�านวย
ี
ื
ื
ความสะดวกในการส่อสารระหว่างผู้ใช้งานคนอ่น เช่น การต้งเครือข่ายของผู้ใช้งาน มีพนักงานท่คอยให้ความช่วยเหลือ ข้อมูล
ั
ื
ี
ข่าวสารของกลุ่ม หรือการจัดกิจกรรมร่วมกันเพ่อให้เกิดการพูดคุยและแลกเปล่ยนความคิดเห็น จะทาให้ผู้ใช้งานแบ่งปันความร ู้
�
ื
ื
ี
ี
และข้อมูลท้งในเร่องท่เก่ยวกับการงานและไม่เก่ยวก็ตาม โดยการบริหารจัดการดังกล่าวเป็นเสมือนเคร่องมีท่ช่วยเร่งให้เกิด
ี
ี
ั
ความเป็นเครือข่ายและการช่วยเหลือกันมากขึ้น
ื
ดังจะเห็นได้จากการศึกษาของ Markel (2015) ถึงผู้ให้บริการในพ้นท่ทางานร่วมโดยการบริหารจัดการท่ช่วยสร้าง
�
ี
ี
ความเป็นเครือข่ายและการช่วยเหลือกัน Markel พบว่าสามารถแบ่งผู้ให้บริการได้เป็น 2 ประเภท คือ 1) แบบทั่วไป คือ
�
ื
�
ี
ิ
�
�
ี
จัดพ้นท่และส่งอานวยความสะดวกเหมาะสาหรับการทางาน เช่น พ้นท่สาหรับทางาน สัญญาณอินเทอร์เน็ต ระบบปรับอากาศ
�
ื
หรือห้องนา เป็นต้น และแบบท่ 2) แบบมีวิสัยทัศน์ ท่มุ่งการสร้างความเป็นชุมชน ส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการมีปฏิสัมพันธ์ท่ดีต่อกัน
ี
้
ี
ี
�
เพื่อสร้างจุดเด่นและดึงดูดผู้ใช้งานให้มากขึ้น
ผลงานวิจัยในโครงการประชุมวิชาการระดับบัณฑิตศึกษา
41 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล.